☁ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ☁
☁ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ☁
ในวิชา ฟิสิกส์ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า คือแรงที่ สนามแม่เหล็กไฟฟ้า กระทำต่ออนุภาคที่มีประจุทางไฟฟ้า มันคือแรงที่ยึด อิเล็กตรอน กับ นิวคลิไอ เข้าด้วยกันใน อะตอม และยึดอะตอมเข้าด้วยกันเป็น โมเลกุล แรงแม่เหล็กไฟฟ้าทำงานผ่านการแลกเปลี่ยน messenger particle ที่เรียกว่า โฟตอน การแลกเปลี่ยน messenger particles ระหว่างวัตถุทำให้เกิดแรงที่รับรูได้ด้วยวิธีแทนที่จะดูดหรือผลักอนุภาคออกจากกันเพียงแค่นั้น การแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนคุณลักษณะของพฤติกรรมของอนุภาคที่แลกเปลี่ยนนั้นอีกด้วย
แต่เดิมนั้น ไฟฟ้า และ แม่เหล็ก ถูกคิดว่าเป็นแรงสองแรงซึ่งแยกจากกัน อย่่างไรก็ตาม มุมมองดังกล่าวถูกเปลี่ยนไปเนื่องจากการตีพิมพ์ผลงานของ เจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์ ในปี 1873 บทความเกี่ยวกับไฟฟ้าและแม่เหล็ก (Treatise on Electricity and Magnetism) ซึ่งกล่าวถึงอันตรกิริยาของประจุบวกและลบเมื่อถูกแสดงในรูปทั่วไปด้วยแรงเพียงแรงเดียว มีผลอยู่สี่อย่างที่ได้จากอันตรกิริยาเหล่านี้ ทิศการไหลของกระแสก็ขึ้นอยู่กับทิศการเคลื่อนที่เช่นกัน
ผลทั้งหมดเหล่านี้สามารถอธิบายได้อย่างสวยงามใน สมการสนามของแมกซ์เวลล์ ตัวอย่างเช่น แม่เหล็ก ทำให้เกิดการดูดหรือผลักเนื่องจากการเรียงตัวที่สอดคล้องกันหรือเป็นแนวอย่างเรขาคณิตของ สปิน
หวังว่าคงทำความเข้าใจตามกันทันนะครับ ต่อ..
ภาพรวม
แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสี่ของ แรงพื้นฐาน แรงพื้นฐานอื่น ๆ คือ แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม ซึ่งยึด นิวคลีไอของอะตอม เข้าด้วยกัน แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุของรูปแบบของ การสลายตัวเชิงกัมมันตภาพ และ แรงโน้มถ่วง แรงอื่นทั้งหมดท้ายที่สุดก็แปลงมาจากแรงพื้นฐานเหล่านี้
แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบในปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันยกเว้นเสียแต่ความโน้มถ่วง กล่าวหยาบ ๆ แล้ว แรงที่เกี่ยวกับอันตรกิริยาระหว่าง อะตอม นั้นมาจากแรงแม่เหล็กไฟฟ้ากระทำต่อ โปรตอน และ อิเล็กตรอน อันมีประจุไฟฟ้าภายในอะตอม นี่รวมทั้งแรงที่เรารู้สึกใน "การผลัก" หรือ "การดึง" วัตถุเนื้อสารโดยทั่วไป ซึ่งมาจาก แรงระหว่างโมเลกุล ระหว่าง โมเลกุล ในร่างกายของเราและในวัตถุ มันรวมถึงทุกรูปแบบของ ปรากฏการณ์ทางเคมี ซึ่งเกิดขึ้นจากอันตรกิริยาระหว่าง electron orbital
ซึ่งโดยการสรุปตามภาพรวมแล้วละก็
แรงดึงและแรงดูดคือแรงฉุดหลักของโลก
ที่สามารถทำให้โลกยังคงรูปแบบและดำเนินอยู่ได้
ซึ่งรวมถึงแรงพื้นฐานทั้งสี่ที่กล่าวมา และหากสิ่งเหล่านี้
ขาดหรือหายไป จะเกิดอะไรขึ้นตามมากับโลก
ทั้งทางด้านข้อมูลที่ได้มา อาจพูดได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา
ล้วนแล้วแต่เป็นไปในแง่ลบ [ - ] ทั้งสิ้นโดยเกี่ยงไม่ได้
ซึ่งการสร้างงานโดยการมองเหตุการณ์ต่างๆของผมในครั้งนี้
สิ่งที่จะมองไม่ใช่เพียงเรื่องของธรรมชาติเท่านั้น
ยังเป็นเรื่องของผลและสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นกับชีวิตจริงของคุณในเวลานั้นๆก็เป็นได้..
โดยสิ่งที่ต้องการค้นหา คือ ฝีมือของธรรมชาติเกี่ยวกับ
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่บกพร่อง กับ ผลกระทบที่จะตามมา
ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจขึ้นมาหลายคำถามในภายหลัง
- จะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับโลกบ้าง ?
- จะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับมนุษย์บ้าง ?
- เราจะสามารถใช้เวลาที่เหลือได้นานเท่าใด ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น